วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

โอ้วว!! มายวิดีโอ

10 อันดับเมืองและประเทศวิวสวยที่สุดในโลก

อันดับที่ 10 เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา
..........
อันดับที่ 9 เมืองกรุงเทพฯ ประเทศไทย
.........
อันดับที่ 8 ประเทศสิงคโปร์
........
อันดับที่ 7 เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
.......
อันดับที่ 6 เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
......
อันดับที่ 5 เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
.....
อันดับที่ 4 เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
....
อันดับที่ 3 เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
...
อันดับที่ 2 ประเทศฮ่องกง
..
อันดับที่ 1 เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
.............
ที่มา : http://www.timesonline.co.uk/

นิทรรศการหนังสือ ดอนกิโฆเต้ฯ (นวนิยายที่ดีที่สุดในโลก)

ความเป็นม
เนื่องในวันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2550 และโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดหลักสูตรวิชาภาษาสเปน
สืบเนื่องจากหนังสือเรื่องดอนกิโฆเต้ฯ เป็นหนังสือเรื่องสำคัญที่สุดในภาษาสเปน ถือเป็นตัวแทนของประเทศสเปน และรวมถึงภาษาสเปน ดังพระราชดำรัสของกษัตริย์ ฆวน การ์ลอสที่ 1 แห่งราชอาณาจักรสเปน ในคราวเสด็จเยือนประเทศไทยเพื่อทรงแนะนำหนังสือเรื่องนี้ฉบับแปลภาษาไทยว่า “สเปนไม่มีฑูตวัฒนธรรมฅนใดดีไปกว่ามิเกล เด เซร์บันเตส และไม่มีสาส์นแนะนำใดล้ำเลิศยิ่งกว่าดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ผลงานอมตะของเขา- --“
ในด้านวรรณคดี นวนิยายเรื่องนี้นับได้ว่าเป็นนวนิยายเรื่องแรกของโลกและเป็นนวนิยายดีที่สุดในโลกจากการเลือกของนักเขียนรางวัลโนเบล 100 ฅน อีกทั้งองค์การยูเนสโกระบุว่าเป็นหนังสือที่มีผู้อ่านมากที่สุดในโลก และแปลเป็นภาษาต่างๆ มากที่สุดในโลก รองจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ฯลฯ
    จึงเป็นการเหมาะควรที่จะจัดนิทรรศการหนังสือดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน ในวาระครบรอบ วันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแถลงข่าวการเปิดหลักสูตรวิชาภาษาสเปนในโอกาสเดียวกัน รวมไปถึงการมอบรายได้แก่ สำนักหอสมุด สำหรับกิจกรรมบริการทางวิชาการแก่สังคม โครงการชนบทของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
แนะนำตัวละคร
      ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า
ขุนนางต่ำศักดิ์ผู้มีถิ่นกำเนิดที่ลามันช่า อายุห้าสิบปีเศษ
แข็งแรง ผอมเกร็ง แก้มตอบ ใช้เวลายามว่าง (คือเกือบทั้งปี) หมกมุ่นอ่านแต่นิยายอัศวิน
ด้วยคลั่งไคล้ใหลหลงอ่านเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้าจนถึงแก่เสียจริตในที่สุด
และตกลงใจเป็นอัศวินพเนจร เดินทางไปทั่วเพื่อกำจัดภัยพาล
อภิบาลสาวพรหมจารี ชำระล้างความอัปยศและอยุติธรรมในโลก
เขาเป็นอัศวินผู้กล้า  มั่นในรักสุดซึ้งและเขาเชื่อว่าชีวิตสุขสบาย บำเหน็จรางวัล และการพักผ่อนนั้น
มีไว้เพื่อข้าราชการสำนักผู้อ่อนแอ แต่อุปสรรค การครุ่นคิด ตลอดจนการศึกนั้น
สรรไว้เพื่อบุคคลที่โลกขนานนามว่า "อัศวินพเนจร"
ซานโช่ ปันซ่า
อัศวินสำรองของดอนกิโฆเต้
เป็นชาวนาที่ไม่มีสมองเท่าใดนัก ตัวเตี้ย พุงพลุ้ย
แต่ขายาวดุจไหกระเทียมต่อขา ขี้ตื่นและติดจะตาขาว
ปากมาก ไม่สำรวมวาจา ดอนกิโฆเต้ชักชวนให้ร่วมผจญภัย
โดยสัญญาจะให้ซานโช่ปกครองดินแดนมีน้ำล้อมรอบ
น้ำใจและความภักดีของซานโช่ทำให้ดอนกิโฆเต้ยกย่องว่า
'เป็นอัศวินสำรองสุดเลอเลิศผู้หนึ่งที่อัศวินพเนจรเคยมีมา'
เซร์บันเตสกล่าวในคำนำว่า อย่าขอบใจเขาเพราะแนะนำให้รู้จัก
ดอนกิโฆเต้ แต่ให้ขอบใจที่เขาแนะนำซานโช่ ปันซ่า
ซึ่ง 'เป็นเพชรน้ำเอกเหนืออัศวินสำรองทั้งปวง
เท่าที่เคยปรากฎในนิยายอัศวิน'
ดุลสิเนอา แห่งโตโบโซ่
นางในดวงใจของดอนกิโฆเต้
หญิงงามผู้สูงศักดิ์และเลอโฉมพิลาสหาใดเปรียบ
ดวงเนตรสีทองอำพัน เกศาเป็นประกายดุจทองคำ ผิวขาวปานหิมะ สองปรางแต้มสีกุหลาบ
ความงามและความดีของนางเลิศล้ำ
เหนือคำพรรณนาของกวีคนใด
วีรกรรมทั้งหมดของดอนกิโฆเต้อุทิศแด่นาง
ด้วยว่า 'อัศวินใดแม้ปราศจากความรักแล้วไซร้
ก็เปรียบประดุจร่างอันปราศจากวิญญา ดอนกิโฆเต้รำพันถึง
เจ้าหัวใจของเขาว่า 'โอ้! แม่หญิงดุล*สิเนอาแห่งโตโบโซ่ ผู้เป็นทิวในราตรี
ประทีปในความทุกข์ ดาวเหนือส่องนำทาง แลดารา
นำโชคแห่งชีวิตข้า----ดอนกิโฆเต้ (หน้า 266)
โรสินันเต้
ม้าคู่ใจของดอนกิโฆเต้า
เป็นม้าหย็องกรอด ผอมกระหร่อง มีแต่หนังหุ้มกระดูกดั่งฝีเท้าในท้องรุมเร้า
มีนิสัยเฉื่อยเนือย ยกขาหน้ากระโจนไม่เป็น
แต่ดอนกิโฆเต้กลับเห็นว่าเป็นยอดอาชา
ยิ่งกว่าม้าของจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์
นามโรสินันเต้ แปลว่า ‘ม้าที่เคยทุรลักษณ์’
ภายหลังมีผู้เขียนคำสดุดีว่าเป็น ‘ยอดอาชาคู่ขวัญ ยอดอัศวิน’
ฬาของซานโช่
พาหนะคู่ใจของซานโช่ เป็นฬาลักษณะดี
เมื่อซานโช่กลับถึงบ้าน
หลังจากออกผจญภัยกับดอนกิโฆเต้
และเจอหน้าเมีย สิ่งแรกที่เมียถามคือ
’ฬายังอยู่ดีหรือไม่’
อัลด็อนซ่า โลเร็นโซ่
สาวชาวนาที่ดอนกิโฆเต้แอบมีจิตปฏิพัทธ์มาเนิ่นนาน
อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ เป็นหญิงร่างสูงล่ำสัน
แข็งแกร่งบึกบึน กล้าหาญ มีขนหน้าอก
เสียงดังกึกก้อง
นางพุ่งแหลนไกลกว่าชายหนุ่มผู้แข็งแรงที่สุดในหมู่บ้าน
และมีฝีมือหมักหมูเค็มเป็นเลิศกว่าหญิงใดในแคว้นลามันช่า

10 คนที่ฉลาดที่สุดในโลก

genious10
10. Elaina Smith: ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตอายุ 7 ขวบ
สถานีวิทยุท้องถิ่นได้เสนองานให้คำ ปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนูน้อย Elaina เมื่อเธอโทร. เข้ามาให้คำแนะนำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่โทร. มาปรึกษาสถานีเรื่องที่เธอถูกแฟนทิ้ง คำแนะนำง่าย ๆ ของ Elaina คือการบอกให้หญิงสาวผู้นั้นออกไปโยนโบว์ลิ่งกับเพื่อนและก็ดื่มนมสักแก้วนึง โต ๆ และนั่นทำให้เธอได้เวลาจัดรายการแก้ปัญหาชีวิตรายสัปดาห์จากสถานีจนได้รับความนิยมจากผู้ฟังนับพัน เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน ครั้งหนึ่งได้มีคนฟังโทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา หนูน้อยบอกไปว่า ”ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว”
genious9
9. Willie Mosconi: เริ่มชีวิตนักบิลเลียดอาชีพเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ
William Joseph Mosconi หรือเจ้าของฉายา “Mr. Pocket Billiards” (pocket billiard = พูล) หนูน้อยจาก Philadelphia, Pennsylvania มีบิดาเป็นเจ้าของโต๊ะพูลแต่กลับไม่ยอมให้เขาเล่นพูล แต่ Willie ก็ไม่ยอมแพ้โดยเลี่ยงไปฝึกฝนด้วยหัวมันฝรั่งกับด้ามไม้กวาดเก่า ๆ ในครัวของแม่ ไม่นานนักพ่อของเขาก็ได้เห็นความเป็นอัจริยะ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันท้าประลองเกิดขึ้น และ Willie ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุและประสบการณ์เหนือกว่าตนเองมากมายได้ ทั้ง ๆ ที่เขายัง ต้องยืนบนกล่องต่อขาเพื่อให้สูงถึงโต๊ะจนเล่นได้ก็ตาม ในปี 1919 ได้มีการจัดการแข่งขันระหว่างหนูน้อย Willie วัย 6 ขวบและแชมป์โลกอย่าง Ralph Greenleaf แม้ Greenleaf จะเป็นผู้ชนะแต่ Willie ก็เล่นได้ดีมากและทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการบิลเลียดอาชีพตั้งแต่บัดนั้น และในปี 1924 Willie ก็ได้เป็นแชมป์ straight pool (พูล 15 ลูก) เยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี และมีงานเดินสายโชว์เทคนิคการเล่นอย่างสม่ำเสมอ ใน ช่วงปี 1941-1957 Willie ก็ได้ครองแชมป์ BCA (Billiard Congress of America) World Championship ถึง15 สมัย เป็นผู้ริเริ่มเทคนิคใหม่ ๆ ในการตีบิลเลียด สร้างสถิติมากมาย และยังช่วยทำให้กีฬาบิลเลียดกลายเป็นที่นิยมอีกด้วย ปัจจุบันเขาก็ยังเป็นเจ้าของสถิติสูงสุดในการตีลูกได้ติดต่อกัน ถึง 526 ลูกในการแข่งขัน Straight Pool
genious8
8. Fabiano Luigi Caruana: แกรนมาสเตอร์หมากรุกอายุน้อยที่สุด
Fabiano หนุ่มน้อยสองสัญชาติ (อเมริกัน-อิตาลี) ปัจจุบันอายุ 16 ปี เขาได้เป็นแกรนมาสเตอร์ตั้งแต่ปี 2007 ตอนนั้นเขามีอายุเพีย 14 ปี 11 เดือน 20 วัน ถือได้ว่าอายุน้อยที่สุดในประวัติศาตร์ของอิตาลีและอเมริกา และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาสมาพันธ์หมากรุกโลก (World Chess Federation (FIDE)) ได้ประกาศว่า Fabiano นั้นมีอันดับโลกอยู่ที่ 2649 ทำให้ เขากลายเป็นนักหมากรุกที่มีอันดับสูงสุดสำหรับรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี
genious7
7. Michael Kevin Kearney: รับปริญญาใบแรกเมื่ออายุ 10 ขวบและกลายเป็นเศรษฐีจากการเล่นเรียลลิตี้โชว์
หนุ่มวัย 24 ผู้นี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยที่อายุน้อยที่สุดในโลก และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียง 17 ในปี 2008 เขาชนะ้รางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเล่นเกมโชว์ที่ชื่อว่า Who Wants to be a Millionaire? นอกจากนี้เขายังทำสถิติโลกไว้อีกหลายอย่าง Kearney เริ่มพูดคำแรกเมื่ออายุ 4 เดือน เมื่ออายุได้ 6 เดือน เขาบอกกับกุมารแพทย์ของเขาว่า “ผมติดเชื้อที่หูซ้ายฮะ” อายุ 10 เดือนก็เริ่มเรียนเขียนอ่าน อายุ 4 ขวบได้เข้าร่วมการทดสอบทางคณิตศาสตร์ของสถาบัน Johns Hopkins และได้คะแนนเต็ม เรียนจบไฮสคูลเมื่ออายุ 6 ขวบ และเข้าเรียนที่ Santa Rosa Junior College จนจบปริญญาเมื่ออายุ 10 ขวบ ในปี 2006 ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วโลกเมื่อเขาเล่นเกมออนไลน์ Gold Rush จนชนะและได้รางวัล 1 ล้านเหรียญเป็นคนแรก
genious6
6. Saul Aaron Kripke: Harvard( มหาวิทยาลัยอันดับ1 ของโลก) เชิญให้ไปสมัครเป็นอาจารย์ขณะที่ยังเรียนไฮสคูล Kripke เป็นลูกชายของพระแรบไบ เกิดที่นิวยอร์คและโตที่ Omaha รัฐ Nebraska เริ่มศึกษาพีชคณิตเมื่อตอนอยู่เกรด 4 และพอจบชั้นประถมก็เรียนรู้เรขาคณิตและแคลคิวลัสจนทะลุปรุโปร่ง และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับปรัชญา Kripke เขียนบทความหลายชิ้นทั้งในเรื่องของอรรถศาสตร์ (semantics) และตรรกวิทยาแบบ modal logic ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี และหนึ่งในผลงานด้านตรรกวิทยานั้นทำให้เขาได้รับจดหมายเชิญจากภาควิชาคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เชิญชวนให้เขาไปสมัครเป็นอาจารย์ ซึ่งเขาก็ได้เขียนตอบปฎิเสธไปว่า “แม่ผมบอกว่าให้ผมเรียนให้จบไฮสคูลและมหาวิทยาลัยเสียก่อนดีกว่า” และเมื่อเขาเรียนจบไฮสคูลเขาก็เลือกเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ด Kripke ได้รับรางวัล Shock Prize ซึ่งเป็นรางวัลทางด้านปรัชญาที่เทียบได้กับรางวัลโนเบล ปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่า เป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่
genious5
5. Aelita Andre : หนูน้อยที่มีผลงานภาพออกแสดงในแกลลอรี่มีชื่อเสียง ด้วยวัยเพียง 2 ขวบ
ศิลปินแนว Abstract อายุเพียง 2 ขวบผู้นี้ได้กลายเป็นบุคคลที่ชาวออสเตรเลียกล่าวถึงเป็นอันมาก เมื่อผลงานของเธอได้ออกแสดงใน Brunswick Street Gallery ใน Melbourne’s Fitzroy Mark Jamieson ผู้อำนวยการของแกลลอรี่ดังกล่าวได้เห็นภาพที่ Nikka Kalashnikova นักถ่ายภาพคนหนึ่งที่มีงานแสดงในแกลลอรีนำมาให้ดูและเขาก็ชอบจนตกลงใจที่จะ จัดการแสดงภาพเหล่านั้น จนเมื่อได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์งานในนิตยสารต่าง ๆ แล้ว เขาจึงได้ทราบว่าเจ้าของผลงาน คือลูกสาวของ Kalashnikova นั่นเอง และมีอายุเพียง 22 เดือน แม้ Jamieson รู้สึกอับอายไม่น้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะแสดงผลงานของหนูน้อยต่อไป
genious4
4. Cleopatra Stratan : นักร้องเด็กอายุเพียง 3 ขวบ มีรายได้ 1,000 ยูโรต่อเพลง (47,000-48,000 บาท)
Clepotra เกิดเมื่อ 6 ตุลาคม 2002 ที่เมืองคีชีเนา ประเทศมอลโดวา เป็นลูกสาวของนักร้องเชื้อสายมอลโดวา-โรมาเนีย เธอเป็นนักร้องอายุน้อยที่สุดที่ประสบความสำเร็จด้วยอัลบั้มในปี 2006 ของเธอที่ชื่อว่า”At the age of 3″ และยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เปิดการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก เป็นศิลปินเด็กที่ค่าตัวสูงสุด เป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่จะได้รับรางวัล MTV และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศโรมาเนีย
genious3
3. Akrit Jaswal : ศัลยแพทย์อายุ 7 ขวบ
Akrit Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า “เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก” เพราะมี IQ ถึง 146 และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในเด็กที่อายุเท่า ๆ กันในอินเดีย ประเทศที่มีประชากรนับพันล้านคน
Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000 เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรกที่บ้านของเขาเองเมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอได้ มือของเธอถูกไฟลวกทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์อย่างเป็นทางการและยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่า ตัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้และใช้มือได้เป็นปกติอีก ครั้ง ขณะนี้ Akrit กำลังเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์อยู่ที่ วิทยาลัย Chandigarh และเป็นนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียเคยรับเข้าเรียน
genious2
2. Gregory Smith: ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่ออายุ เพียง 12 ปี
Gregory เกิดในปี 1990 อ่านหนังสือออกตั้งแต่อายุ 2 ขวบ และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 10 ขวบ ความเป็นอัจฉริยะของเขานั้นยังไม่ได้ครึ่งของเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้ เมื่อเขาตัดสินใจออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อรณรงค์เรื่องสันติภาพและสิทธิเด็ก Gregory Smith เป็นผู้ก่อตั้ง International Youth Advocates ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนหลักการแห่งสันติภาพและความเข้าอกเข้าใจในระหว่างเยาวชนทั่วโลก เขาเคยได้พบกับผู้นำคนสำคัญอย่าง Bill Clinton และ Mikhail Gorbachev และยังเคยปฐกถาต่อหน้าที่ประชุม UN อีกด้วย จากการทำงานด้านมนุษยธรรมนี้ ทำให้เขาได้ถูกเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถึง 4 ครั้ง แต่ความสำเร็จครั้งล่าสุดที่เขาเพิ่งได้รับคือ…มีใบขับขี่เป็นของตัวเองได้ซะทีนั่นเอง
genious1
1. Kim Ung-Yong: เข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 4 ขวบ จบปริญญาเอกตอนอายุ 15 และมี IQ สูงที่สุดในโลก
Kim Ung-Yong เกิดในปี 1962 และอาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย Guinness Book of World Records ได้บันทึกว่าเขามี IQ สูงที่สุดในโลกคือสูงกว่า 210 คิมอ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ ตอนวันเกิดครบ 5 ขวบ เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคิวลัส (differential and integral calculus) ที่ซับซ้อนได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่นแสดงสามารถทางภาษาจีน สเปน เวียดนาม ตากาลอก เยอรมัน อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี คิมเป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 – 6 ขวบ พออายุ 7 ขวบ NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974 จนได้ Ph.D ด้านฟิสิกส์ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 เสียอีก ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มทำงานวิจัยที่ NASA ด้วย และทำต่อมาตลอดจนกระทั่งเขากลับเกาหลีในปี 1978 และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ไปเป็นวิศวกรรมโยธาและได้ศึกษาจนได้รับ ปริญญาเอกอีกเช่นกัน

จิตอาสา


เก็บขยะที่ม้าหินอ่อนใต้ร่มไทร แถวอาคาร4

แนะนำตัว



จัดทำโดย

ฝั่งซ้ายสุด      เด็กหญิงมิ่งขวัญ วระโพธิ์   เลขที่ 29
คนตรงกลาง  เด็กหญิง พิมพ์วิภา  แสวงนาม  เลขที่ 3
ฝั่งขวาสุด      เด็กหญิง ปิยธิดา สวาสุด   เลขที่9